เป็นปีที่แปลกดีเหมือนกัน คือ มีเงื่อนไข หรือสถานการณ์บีบบังคับทำให้เราพลาดโอกาสที่กำลังจะได้ (แบบวางแผนมาเพื่อสิ่งนี้ แต่ล่มเพราะสถานการณ์) แต่ก็ได้เรียนรู้เยอะมาก และได้กระโดดไปเจอคนใหม่ๆผ่านงานหรือ event ต่างๆ เอาง่ายๆ ชีวิตปีนี้นี่มันไพ่ “the fool” ชัดๆ
TL;DR
- เป็นปีที่การเรียนในมหาลัยน่าจะเหงาที่สุด (และมีแววว่าเทอมสุดท้ายอาจจะคล้ายๆกัน)
- Software Engineer Intern @ 10X ที่เหมือนมาขัดเกลา hard-skill มากกว่า แล้วก็ได้เรียนรู้องค์ประกอบอื่นในด้านการทำ product ขึ้นมาให้คนได้ใช้จริงๆ
- เข้าโลก cryptocurrency แบบเต็มตัว ทั้งฟาร์ม ทั้งเก็บเหรียญ ทั้งเทรด (ถ้ามีเวลา) ส่วนการลงทุนกับหุ้นนิ่งมาก แต่กองทุนก็ยังถือนะ
- First-timer at TEDxChareonkrung!
Event in a nutshell?
A promising year … ?
ช่วงปี 3 เทอม 2 เป็นช่วงที่ promising มากๆ มือขึ้นทุกอย่าง ด้วยความที่เราได้ไปโอกาสสหกิจศึกษา (ฝึกงาน + ทำโปรเจคท์กับบริษัท ก็จะมีระยะเวลาประมาณครึ่งปี) ในช่วงแรกๆของปีก็จะวนกับการส่งจดหมายขอฝึกงานกับบริษัทต่างๆ แล้วก็ได้หลายที่ด้วย (แต่สุดท้ายเลือกที่ 10X)
ดูไปได้สวยก็ไม่ใช่ปีนี้น่ะสิ มีประกาศ lockdown กันประมาณมีนาคม จำได้เลยว่าคืนที่เก็บของจากตึกภาคก่อนกลับบ้าน ที่ตึกภาคเหมือนผึ้งแตกรังดีๆนี่เอง ด้วยความเคยชินจากการอยู่อาศัยที่ตึกภาคมาตลอด แล้วมารู้ว่าคงจะไม่ได้เหยียบที่นี่สักพักแหละ
ถ้าถามเราว่าการเรียนออนไลน์เป็นยังไงบ้าง ก็บอกว่าตัวเองเหลือวิชาไม่ได้หนักมากขนาดนั้น หลายๆตัวที่เป็นวิชาภาคก็พอที่จะ self-study ได้อยู่ ทั้ง embedded system, FPGA หรือ web programming แต่ยอมรับว่าหัวร้อนบ้างกับวิชาทั่วไปบางตัว เนื่องจาก อาจารย์ยังไม่ค่อยชินกับการสอนเด็กผ่านจอ เลยมีเหตุการณ์แปลกๆ เช่น ให้ตั้งชื่อไลน์เป็นชื่อนักศึกษา เป็นต้น
Internship
ช่วงฝึกงานที่ 10X นี่น่าจะสุดมันส์ที่สุดและครับ (แม้ว่าจะได้แค่ 2 เดือนนะ ก็คณะผมเค้ายกเลิกสหกิจง่ะ) ซึ่งส่วนใหญ่จะ wfh แต่พอสถานการณ์ช่วงหลังๆคลี่คลายไปก็ได้ไปออฟฟิศ เรื่องสกิลต่างๆก็ได้ทั้งฝั่ง hard-skill อย่างพวก fullstack development กับ cloud computing และทักษะที่เป็น soft skill รวมทั้งความเข้าใจในเรื่องการพัฒนา product เพื่อให้เป็นธุรกิจจริงๆได้ด้วย ส่วนหนึ่งที่มองว่าช่วงนี้มีความสุขที่สุดก็น่าจะเพราะมิตรภาพดีๆจากพี่ๆและเพื่อนๆ intern ทุกคนครับ (เขียนหมดน่าจะสารานุกรมเล่มหนึ่งอ่ะครับ)
Senior Project
คำถามเจ็บปวดที่ปีสี่จะได้ยิน คือ “โปรเจคท์เป็นไงบ้าง” เอาจริงๆมันก็โอเคนะ มีตะกุกตะกักบ้างในตอนแรก แต่หลังสอบก็ค่อนข้าง relieved ระดับหนึ่ง แม้ว่ามันจะมีโจทย์ให้ทำต่อนะ เราน่าจะเป็นคนที่ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมกลุ่มมากๆซะด้วยซ้ำ ขอบคุณซิ่ว และขอบคุณณะห์มากๆนะคร้าบ
** ถือโอกาสขอโทษอีกครั้งที่ชวนณะห์ไปกินหมูกระทะทั้งๆที่เพื่อนเป็นอิสลามนะที่นี้ด้วย


ท้ายปีกับ hackathon, defi, TED
ช่วงประมาณปลายๆเดือนตุลาคมยันท้ายปีคือการเข้าขั้นสุดแห่งการ networking ที่แท้ทรู โดยเริ่มจากความสนใจ cryptocurrency กับ defi ก็ลองถามน้องที่เล่นสายนี้ เริ่มเข้า meetup รายสัปดาห์ของ YoungCoin เพื่อเรียนรู้โลกใบนี้ และค่อยๆเริ่มจากการซื้อเหรียญ ทำ yield farming ใน pancakeswap เทรดเหรียญบ้าง ผลตอบแทนก็ใช้ได้เลย หลังๆเริ่มอ่าน whitepaper ของ defi กับหัดเขียน solidity ไปแล้วครับ
ตอนเดือนพฤศจิกายนก็ได้ไปแข่ง hackathon กันบ้างอย่าง devdisrupt ซึ่งไปกับน้องและเพื่อนในภาค กับ LINE HACK อันนี้ไปกับเพื่อนที่ intern, น้องในภาค และเพื่อนของเพื่อนที่ intern ซึ่งอยู่คนละมหาลัยด้วยนะ (mentor ทุกคนถามด้วยคำถามว่า “รู้จักกันยังไงนิ?”) ไม่ได้ชนะ แต่ก็รักใน energy ของเพื่อนร่วมทีมทุกคนทั้งสองทีมมาก
ท้ายปีก็ได้ไป TEDxChareonkrung ซึ่งแน่นอนมาจากการป้ายยาของพี่ที่ออฟฟิศ ตั้งแต่ช่วง intern ยันท้ายปี ได้ไปฟัง insight ในเรื่องปัญหาสังคมในด้านต่างๆ แล้วก็ได้พูดคุยแชร์ประสบการณ์กันกับคนที่มาร่วมงานหลายๆคน เป็น event ที่สนุกมาก
ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากปีนี้
- self-management via bullet journal เป็นสิ่งที่ช่วยจัดการงานเราได้ระดับหนึ่ง ยิ่งใช้สมุดจดแบบ analog ดิบๆมันจะทำให้เราผูกพันกับมัน อยาก log todo หรืออะไรก็ตามที่เราสนใจได้มากขึ้น
- software development พวกการพัฒนาเว็บแบบ fullstack ที่ทำได้คล่องขึ้น ได้หัดใช้พวก Typescript, Nest.js ด้วย ทั้งนี้ยังไม่นับที่ได้ Flutter มาด้วยจากงานนอกช่วงต้นปีแบบงงๆ แต่คิดว่าก็คงต้องไปศึกษาใน domain อื่นที่เป็น technical skill เช่นกัน
- ความรู้เรื่อง cryptocurrency และ defi แบบเบิ้มๆ ทั้งจากการอ่านเอง และลงทุนเอง รวมทั้งจากการพูดคุยกับพี่ๆเพื่อนๆที่อยู่ในสายนี้
ขอบคุณทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา ไม่ว่าจะในด้านใดก็ตาม
หวังว่าปีหน้าจะเป็นที่ดีนะ